rant

แปรงฟันแล้วอ๊อก

ห้องน้ำที่หอเป็นห้องน้ำรวม แล้วห้องผมอยู่หน้าห้องน้ำพอดี ชีวิตปกติสุขมาเรื่อย ๆ จนเทอมสุดท้ายนี่ เหมือนว่าจะมีคนย้ายเข้ามาใหม่ เขาเป็นคนที่น่าจะอ่อนไหวต่อสิ่งรบกวนในช่องปากพอสมควร เพราะทุก ๆ วัน เช้าและดึก ผมจะได้ยินเสียง

"อ๊อก"

พยายามจินตนาการเหมือนเสียง "อูแหวะ" เวลาเราคลื่นไส้และอาเจียน แต่เร็ว ๆ สั้น ๆ เข้าใจว่ามันเป็นอาการคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นเมื่อเราแปรงฟันและหัวแปรงมันเข้าไปลึก เกือบถึงคอหอย ร่างกายเลยแสดงอาการต่อต้านโดยอัตโนมัติ

แต่ปัญหาคือบ่อยครั้งมันไม่ใช่แค่ "อ๊อก" แต่เป็น

"อ๊อก... อั๊วะ... อุ๊... แอว้ะ..."

บางทีเกือบสิบครั้งติดต่อกัน แล้วเสียงมันดังเพราะควบคุมไม่ได้ กลไกอัตโนมัติ ไอ้เราก็แบบ ไอ้เหี้ยยยยยยยย (ขออภัย) มึงชอบเหรอความรู้สึกนี้ ทำไมไม่อ้วกไปซะเลยล่ะ เสียงแบบ ฟังแล้วจะอ๊อกตาม

จริง ๆ แล้วก็พอเข้าใจนะ ตอนเป็นเด็กก็จำได้ลาง ๆ ว่าเคยเป็น โตมาก็หายไป หมอนี่ยังทนอยู่ได้ไง

ที่เขียนนี่เพราะเมื่อสิบนาทีก่อนเขามาอ๊อกให้ได้ยินอยู่

เสียงรบกวนจากงานเลี้ยงในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อกี้นี่เอง กรุณาอ่านข้อมูลประกอบเหล่านี้ก่อน

  • หอสมุดในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีหลัก ๆ สองที่ คือ หอสมุดป๋วย อึ๊งภากรณ์ เก็บหนังสือทุกประเภท และหอสมุดศูนย์รังสิต เก็บหนังสือสายวิทยาศาสตร์
  • วันนี้หอสมุดป๋วยฯ ปิดสามทุ่ม แต่หอสมุดศูนย์รังสิตปิดห้าทุ่ม เพราะยังมีบางคณะสอบอยู่
  • ผมเข้าใจว่าบุคคลภายนอกสามารถขอเช่าพื้นที่มหาวิทยาลัยจัดงานต่าง ๆ ได้
  • ผมเข้าใจว่าการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในบริเวณมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องต้องห้าม

ผมนั่งอยู่ที่หอสมุดป๋วยตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ ฟังเพลงไปเรื่อย ๆ พอห้องสมุดใกล้ปิด (สามทุ่ม) ก็ถอดหูฟังออก เตรียมเก็บข้าวของย้ายไปอีกหอสมุดหนึ่ง หูพลันได้ยินเสียง ตึก โป๊ะ ตึก โป๊ะ เดินออกมาข้างหน้าจึงได้รู้ว่ามีคอนเสิร์ตอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัย (เข้าใจว่าเป็นเอกชนมาเช่าที่) ฟังดูเสียงน่าจะมาจากทางลานพญานาค ไม่ก็ศูนย์กีฬาทางน้ำ (สองที่นี้อยู่ติดกัน)

แล้วเสียงแม่งดังโคตร ๆ ที่อยู่ใกล้ลานพญานาคที่สุดคือหอพักทียูโดม (ห่างกันแค่ข้ามถนน) ผมเดินจากหอสมุดป๋วยมาจนใกล้หอพักใน เสียงแม่งก็ยังคงกึกก้อง เนื่องจากตึกต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยเป็นตัวช่วยสะท้อนเสียงอย่างดี

จากนั้นก็เดินเลี้ยวมาหอสมุดศูนย์รังสิต ระหว่างทางก็เจออีกงานเลี้ยงนึง เข้าใจว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ตึกนั้น แม่ง เสียงดังพอกัน ตอนเดินผ่านนี่งานใกล้เลิกแล้ว เห็นมีขวดเบียร์วางอยู่บ้างด้วย เดินเข้ามาในห้องสมุดก็ยังมีเสียง ตึบ ตึบ ตึบ อยู่ อัดคลิปมาให้ดูด้วยว่ามันใกล้แค่ไหน (จริง ๆ ตอนอยู่ในหอสมุดก็ได้ยินเสียงแล้ว แต่ไมโครโฟนมือถือมันห่วยเกิน)

ดูแผนที่ประกอบได้ หอสมุดศูนย์รังสิตที่เบอร์ 3 หอสมุดป๋วยฯ ที่เบอร์ 4 งานเลี้ยงเจ้าหน้าที่ที่เบอร์ 2 คอนเสิร์ตที่เบอร์ 39 ไม่ก็ 41

ในคลิปนี่คือเดินจากในห้องสมุดออกมาให้ดูว่า แค่ออกมาข้างหน้าก็เจองานเลี้ยงพร้อมลำโพงขนาดยักษ์แล้ว

ตอนนั่งพิมพ์อยู่นี่ก็ได้ยินเสียง ไม่รู้จากเวทีไหน อนิจจา

ไม่เอาทางม้าลาย

ความคิดของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อตัวขึ้นหลังจากอ่านหนังสือ คนกับโพสต์โมเดิร์น ของไชยันต์ ไชยพร จบ ไชยันต์กล่าวไว้ว่า (แล้วผมเอามาแต่งเติมว่า) การมีสะพานลอยเพื่อข้ามถนนทั่ว ๆ ไปนั้นเป็นความบัดซบของสังคมไทย ที่ทำให้ต้องเกิดการลงทุนมากขึ้น ทั้งค่าอิฐปูนในการก่อสร้าง หรือคนที่จะข้ามต้องเดินขึ้นบันได ทั้ง ๆ ที่ทางม้าลายมันก็มีอยู่แล้ว เพียงเพราะคนที่ขับรถยนต์ไม่นิยมจอดให้คนข้ามถนน ราวกับคนที่ขับรถไม่เคยนึกว่าสักวันหนึ่ง ตนเอง ญาติพี่น้อง ลูกหลาน จะต้องมาเสียเวลายืนชะเง้อรอให้รถผ่านไป แล้วจึงข้ามทางม้าลายด้วยความหวาดเสียว หรือหอบของพะรุงพะรังเดินขึ้นสะพานลอยสูงชันให้หัวเข่าเสื่อม

แน่นอน ผมขับรถไม่เป็น จึงไม่เคยขับรถยนต์ จึงไม่เคยทราบว่า ด้วยเหตุผลกลใด คนขับรถที่ต้องคอยมองสัญญาณจราจร มองรถคันอื่น ๆ จะไม่สามารถคอยสังเกตคนเดินเท้าที่กำลังจะข้ามทางม้าลาย แล้วชะลอความเร็วให้เขาหรือเธอข้ามไปได้โดยสะดวกได้ หรือมันจะจริงอย่างที่ผมเคยฟังไชยันต์ว่าไว้ในวงเสวนาเรื่องความปลอดภัย ว่าถนนเมืองไทยนั้นมันก็เหมือนป่า กฎระเบียบต่าง ๆ แท้จริงแล้วมีแค่ รถมีกำลังมากกว่าคน คนจึงต้องยอมหลบให้ เท่านั้นหรือ พวกเราที่ต่างก็จ่ายภาษีไปสร้างถนนมาใช้ร่วมกันคิดกันอย่างนั้นจริง ๆ หรือ

เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มคิดฟุ้งซ่านมากขึ้นว่า ในเขตเมืองที่มันเป็นที่ที่คาดการณ์ได้ว่าจะต้องมีคนข้ามถนนอยู่เรื่อย ๆ เนี่ย มันต้องมีทางม้าลายด้วยหรือ คนที่ขับรถยนต์จะไม่สังเกตอะไรรอบตัวเลยนอกจากรถคันอื่น สัญญาณจราจร แล้วก็ทางม้าลายเท่านั้นน่ะหรือ ถ้าไม่ใช่แล้ว ก็ไม่เห็นจะต้องมีทางม้าลายให้ยุ่งยาก

วันนี้เพิ่งเจอกับตัวมาก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก คือถนนแคบ ๆ ในมหาวิทยาลัย ยังต้องมีตำรวจจราจรคอยกำกับว่า ข้ามถนนตอนไหนได้ รถวิ่งตอนไหนได้ ผมสงสัยนักว่าบนถนนแคบ ๆ ในมหาวิทยาลัยที่มีแยก วงเวียน ทางเลี้ยวอยู่ใกล้ ๆ เนี่ย รถยนต์มันจะวิ่งได้เร็วแค่ไหนเชียว แล้วถ้าวิ่งได้ไม่เร็ว คนขับจะไม่ยอมดูคนข้ามถนนหน่อยหรือ ถึงต้องให้ตำรวจจราจรมากำกับ

จริง ๆ เคยบ่นทำนองนี้ไว้ใน twitter มีคนตอบกลับมาว่า ก็ควรจะแบ่งถนนให้ทั้งคนเดินเท้าและคนขับรถได้ใช้ถนนร่วมกัน (ด้วยการมีทางม้าลาย สัญญาณไฟจราจร หรือตำรวจจราจรมาคอยกันให้ข้ามถนน) แต่สำหรับผมแล้ว ลำพังแค่คุณมีรถยนต์ไว้ขับไปไหนมาไหน แถมยังปล่อยควันออกมาให้คนเดินเท้าต้องดมเนี่ย ก็ได้เปรียบพออยู่แล้ว ขอให้ช่วยมองคนเดินถนนบ้างเถิดครับ

Subscribe to rant